แบรนด์กางเกงยีนส์ญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้แบรนด์ยีนส์มีหลายแบรนด์น้องใหม่เข้ามาอยู่เรื่อยๆ ใน 10 แบรนด์นี้ ถือเป็นแบรนด์ที่ผลิตออกมาตอบโจทย์ โดยเน้นความโดดเด่นของยีนส์ในแต่ละตัว นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษต่างกันไปอีกด้วย
1. Evisu
มาถึงแบรนด์ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาเดนิมแห่งแดนปลาดิบเลยก็ว่าได้ Evisu Jeans ถือกำเนิดจาก Hidehiko Yamane เมื่อปี 1991 ที่โอซาก้าเป้าหมายคือการสร้าง vintage jeans ที่มีทอโดยใช้กรรมวิธีแบบโบราณ ดังนั้นในเริ่มแรกของการผลิตจึงผลิดได้เพียง 14 ตัวต่อวันเท่านั้น และในการย้อมก็ต้องย้อม16 ครั้งเป็นอย่างต่ำ ซึ่งในยีนส์บางตัวก็ต้องย้อมถึง 30 ครั้ง และโลโก้รูปนกนางนวลนั้นจะใช้ขั้นตอนการเพ้นท์ด้วยมือ โดยฮิเดฮิโกะ ยามาเนะ จะลงมือเพ้นท์ด้วยตนเองจนถึงทุกวันนี้! Evisu jeans เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มผู้รักแฟชั่น Streetware และรวมไปถึงกลุ่มชาว Hip-hop ด้วย และนี่คือเหตุผลที่ไม่น่าแปลกใจเลยว่า Evisu คือแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มผู้รักการใส่ยีนส์ทั่วโลกนั่นเอง
ราคาเริ่มต้น 7,000 บาท (Central)
ข้อมูลแบรนด์
2. Momotaro Jeans
ยีนส์จากเมือง kojima จังหวัด Okayama ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 จากเครือ Japan blue แบรนด์ที่ผลิตยีนส์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมซึ่งช้าและซับซ้อนกว่า และกระบวนการผลิต in-houseคือผลิตทุกอย่างเองทั้งหมด จุดเด่นของแบรนด์นี้อยู่ที่การใช้ Cotton 100% จากประเทศ Zimbabwe ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตฝ้ายที่ดีที่สุดในโลกและ เป็น Sanforized denim คือผ่านการซักกับน้ำทะเลที่ Okayama มาแล้ว 1 ครั้งซึ่งแบรนด์อื่นๆมักเป็น Unsanforized denim ดังนั้นแบรนด์นี้จึงมีความเฟดยากกว่าแบรนด์อื่นๆ
ราคาเริ่มต้น 3,500 บาท (Pronto)
ข้อมูลแบรนด์
3. Samuri Jeans
Samurai jeans เป็นเเบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น จากเมืองโอซาก้า ก่อกำเนิดโดย Toru Nogami ในปี 1997 โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการสร้างแบรนด์ยีนส์แนว Vintage Style และเป็นอีกแบรนด์นึงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในด้านของรายได้เเละฐานลูกค้าที่มีมากมายทั่วโลก เอกลักษณ์อย่างนึงของแบรนด์นี้ที่ทำให้เป็นที่นิยมนั่นก็คือ ลูกเล่นและรายละเอียดต่างๆที่ได้รับความเอาใจใส่เเละพิถีพิถันซึ่งบ่งบอกถึงความเป็น Samurai jeans ได้เป็นอย่างดีเพราะมีการนำเอาคาแรกเตอร์ต่างๆของซามูไรมาใส่ในตัวกางเกงยีนส์ หรือการใส่ลูกเล่นที่กระดุมในแต่ละรุ่นจะมีการออกแบบกระดุมโดยการนำสัญลักษณ์ต่างๆของญี่ปุ่น เช่น ก้านต้นบอนไซ พระอาทิตย์ มาใช้ ส่วนการทอผ้าจะเป็นการทอแบบโบราณ เน้นรายละเอียดในการตัดเย็บ จึงได้ชื่อว่าเป็น Heavy Denim เนื่องจากมีน้ำหนักมากตั้งแต่ 15oz จนไปถึง 24oz ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ Hardcore Denim การเฟดที่จะสวยงามขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาที่ได้สวมใส่นั่นเอง
ราคาเริ่มต้น ¥25,704หรือราว 8,500 บาท (Rakuten)
ข้อมูลแบรนด์
4. Edwin
พูดถึงยีนส์จากญี่ปุ่นก็คงไม่มีใครรู้จัก แบรนด์นี้ เพราะนอกจากจะครองใจคนญีปุ่นแล้วยังคราองใจคนทั่วโลกมาแล้วถึง 40 ปี แน่นอน สาวกยีนส์ชาวไทยก็เช่นกัน Edwin คือต้นตำรับคำว่ากางเกงยีนส์ของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง Edwin ถึอกำเนิดจากร้านขายเสื้อผ้ามือสองของตระกูลตระกูล Tsunemi ที่เริ่มกิจการมาตั้งแต่ปี1947 จากนั้นมาสู่รุ่นลูกคือนาย Shuji Tsunemi (เจ้าของ Edwin คนปัจจุบัน) หนุ่มที่เพิ่งกลับจากเรียนต่อที่อเมริกา และพกวัฒนธรรมกางเกงยีนส์กลับมาบ้านเต็มกระเป๋า ลงทุนตัดเย็บเองขายเพื่อนชาวญี่ปุ่นล้มลุกคลุกคลานกับธุรกิจที่แรกเริ่มนั้นถูกมองว่า ก็อบแบบยีนส์มากจาก แบรนด์ต้นตำรับอย่าง Levi’s แต่ Shuji เขาได้ใช้ความรู้ที่สั่งสมมาลองดูอีกซักตั้ง ในปี 1961 ถือเป็นปีกำเนิดของ “Edwin” ที่เกิดจากการ สลับตัวอักษร คำว่า ‘denim’ และ ตัว M ก็กลับหัว เป็น W นั่นเอง! จุดเด่นของแบรนด์นี้คือ การออกแบบลูกเล่นใหม่ให้ยีนส์อยู่ตลอดเวลา และเป็นผู้นำในหลายๆคอลเลกชั่นให้กับแฟชั่นยีนส์ในปัจจุบัน เลยก็ว่าได้ ทั้งคอลเลกชั่น Old Washed ออกมา เป็นกางเกงยีนส์ที่เหมือนผ่านการซักซะจนเหมือนเก่า มาขายใหม่ หรือคอลเลกชั่น Stone Washed ที่ซักแบบหนักหน่วง ทำให้ยีนส์มีการ Fadeแบบดิบๆเก่าๆเท่ๆ ส่วนเรื่องความโด่งดังนั่นก็เอาเป็นว่า แบรนด์นี้มี หนุ่มแบรทพิท เป็นพรีเซนเตอร์ให้ด้วยนะ!
ราคาเริ่มต้น 3,900 บาท (Pronto)
ข้อมูลแบรนด์
5. Studio D’artisan
หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่าดารุจิซันจากเมืองโอซาก้าคือเจ้าแรก ที่เริ่มศึกษาและผลิตยีนส์ ก่อตั้งขึ้นปี1979 โดย Shigeharu Tagaki จุดเด่นของแบรนด์นี้คือ การนำลูกเล่นแปลกๆใหใม่ๆมาใส่ในยีนส์ ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นจนเป็นเอกลักษณ์ แบบJapanese Vintage Denim ซึ่ง Studio D’Artisan ก็มักออกแบบยีนส์โดยนำไอเดียจากเทศกาลต่างๆ แสดงออกผ่านผลงานในยีนส์แต่ละรุ่นได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว เช่น ยีนส์รุ่นพิเศษที่ทำออกมาเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส (Christmas Edition) ความพิเศษของยีนส์รุ่นนี้จะคือการย้อมด้ายสี Indigo ในส่วน warp และใช้ หมึก India ink ในการย้อมส่วน weft ซึ่งทำให้สีของยีนส์นั้นจะออกมาในโทน Blue & Black หรือ การผลิตยีนส์รุ่นครบรอบ 70 ปีของสงครามโลกครั้งที่ 2 (OKI-815 Champloo Jeans) เพื่อเป็นการรำลึกถึงเมือง Okinawa และสื่อถึงสันติภาพ
ราคาเริ่มต้น 9,500 บาท (Pronto)
ข้อมูลแบรนด์
6. Japan Blue
แบรนด์น้องใหม่สัญชาติญีปุ่นจากเมือง Kojima ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 ความโดดเด่นของแบรนด์นี้นอกจากจะเน้นแบบการตัดเย็บแบบโมเดิร์นแล้วยังให้ความพิถีพิถันเป็นพิเศษในเรื่องของเนื้อผ้าอีกด้วย
ราคาเริ่มต้น 4,990 บาท (Pronto)
ข้อมูลแบรนด์
https://www.japanbluejeans.com/en/
7. BigJohn Jeans
แบรนด์ที่มีประวัติก่อตั้งอันยาวนาน เริ่มแรกนั้นคือบริษัทผลิตเสื้อผ้าธรรมดา เมื่อปี 1940 จนเมื่อกระแสยีนส์ได้หลังไหลเข้ามาในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1960 Big John จึงได้ถือกำเนิดขึ้นและถือเป็นยีนส์เจ้าแรกที่ผลิตขึ้นในประเทศญีปุ่น เอกลักษณ์ของแบนรด์นี้คือการเน้นที่ความขลัง ผ้าดิบๆ ที่บ่งบอกความเป็น Big John อย่างแท้จริง
ราคาเริ่มต้น 4,400 บาท (Pronto)
ข้อมูลแบรนด์
8. Kojima Genes
ยีนส์แบรนด์นี้มากจาก Kojima เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของการผลิตยีนส์ที่มีชื่อเสียงหลายมากมายหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Momotaro หรือ Pure blue japan แต่สำหรับ Kojima Genesนี้ ความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆนั้น คือตัวผ้าของ Kajima Genes ที่ใส่นิ่มสบาย รวมไปถึงการปักเย็บใช้เครื่องจักรโบราณ การเก็บงานเรียบร้อยและ การเย็บป้ายหนังเป็นแบบ Banzai loop คือการเย็บต่อเนื่องจากตัวยีนส์กับป้ายหนังรอบแผ่น ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป
ราคาเริ่มต้นที่ 3,290 บาท (Pronto)
ข้อมูลแบรนด์
http://eshop.kojima-genes.com/
9. Pure Blue Jean
แบรนด์นี้ ถือกำเนิดโดยตรงจากเมือง Okayama ในปี 1997 ถือเป็นแบรนด์ดัง แบรนด์ใหญ่จากญี่ปุ่นอีกแบรนด์ที่เป็นนิยมอย่างมาก ความโดดเด่นของยีนส์แบรนด์นี้ นอกจากการเฟดที่สวยงามแล้ว นั่นก็คือความเรียบง่ายในดีเทลของตัวกางเกง
ทั้งนี้ รุ่น Al-001 ยีนส์กระดุมผ้า 18.5 oz. ที่มีความพิเศษตรงที่เป็นการย้อมมือด้วย Natural Indigo ซึ่งไม่ผ่านสารสังเคราะห์ใดๆ โดยช่างฝีมือช่างชาวญี่ปุ่น จาก Tokushima ต่างกับยีนส์หลายๆยี่ห้ออื่นที่ย้อมเเบบสังเคราะ รุ่นนี้จึงถือเป็นรุ่นที่แพงที่สุดในแบรนด์เลยก็ว่าได้
ราคาเริ่มต้น 6,900 บาท (Pronto)
ข้อมูลแบรนด์
Facebook :
https://www.facebook.com/Pure-blue-japan-681355025258330/
10. The Flat Head
ก่อตั้งเมื่อปี 1996 โดย Masayoshi Kobayashi ผู้หลงใหลวัฒนธรรมอเมริกัน จนสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานกางเกงยีนส์ที่มีกลิ่นอายอเมริกัน ในแบบฉบับญี่ปุ่น ความโดดเด่นของ The Flat head นอกจากความสวยงามในการเฟดด้วยกระบวนการย้อมแบบ Rope dyeแล้ว The Flat head ยังเน้นการผลิตที่คุณภาพมากกว่าจำนวนอีกด้วย
ผลงานของ The flat head ยังมีคอลเลคชั่นที่ได้รับความนิยม เช่น The Flat Head 8002, The Flat Head 3002, รุ่น 3001-A หรือจะเป็นรุ่น The Flat Head 2111P ที่เป็นโปรเจ็คร่วมกับร้าน Pronto ที่ฮิตมากเช่นกันในบ้านเราเอง
ราคาเริ่มต้น 9,500 บาท (Pronto)
เวปไซท์ของแบรนด์
ฟังก์ชั่นของยีนส์แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันไป และมีราคาสูง ซึ่งหาซื้อได้ยากซึ่งในไทยอาจทำได้เพียงการสั่งสินค้าจาก shop online ของแต่ละแบรนด์ หรือ หาได้จากห้างสรรพสินค้าบางแห่ง เชื่อว่าแบรนด์และแบรนด์นั้นในความละเอียดอ่อนและออกแบบ
ถือเป็นกางเกงยีนส์คุณภาพ มาให้สาวกยีนส์ได้ซื้อไว้ครอบครอง หรือจะเก็บไว้เป็นกรณีศึกษาไว้พิจารณาให้เลือกมาสวมใส่ก็ถือว่าไม่ผิดกติกาใดๆ